สตช. เตือนถึงการระบาดของ แบงก์พันปลอม พร้อมแนะนำวิธีสังเกตเบื้องต้น

สตช. เตือนถึงการระบาดของ แบงก์พันปลอม พร้อมแนะนำวิธีสังเกตเบื้องต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกประกาศเตือนถึงการแพร่ระบาดของ ธนบัตร / แบงก์พันปลอม พร้อมทั้งแนะนำวิธีการสังเกตตัวธนบัตรในเบื้องต้น แบงก์พันปลอม – (3 พ.ค. 2565) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช. / ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. ได้กล่าวถึงปรากฏในสื่อต่าง ๆ ถึงกรณีพบว่ามีธนบัตรชนิด 1,000 บาท ปลอมระบาดหนักในหมู่บ้านย่านบางบัวทอง จว.นนทบุรี วันเดียวพ่อค้าแม่ค้าถูกหลอกเกือบ 30 ใบ นั้น

ในกรณีดังกล่าวนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนจึงได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หากพบว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ผู้บังคับบัญชาลงไปกำชับให้เร่งรัดสืบสวนขยายผลเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งขบวนการอย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน ที่เป็นสุจริตชน และเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะประสานข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย อีกช่องหนึ่ง เพื่อแนะนำให้พี่น้องประชาชนได้ระมัดระวังในการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันมิให้ตกเป็นเหยื่อจากการใช้ธนบัตรปลอมที่กำลังเริ่มระบาดอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ในขณะนี้ สำหรับวิธีสังเกตในเบื้องต้นธนบัตรใบละ 1,000 บาท ที่ดูได้แบบง่าย ๆ เร็ว ๆ ว่าปลอมหรือไม่ ให้ดูที่ “แถบสีในเนื้อกระดาษ” ดังนี้

– เป็นพลาสติกสีทองที่ฝังไว้ในเนื้อกระดาษตามแนวตั้งของธนบัตร จึงเรียกว่า “แถบสีทอง”

– ในมุมปกติจะมองเห็นเป็นเส้นประแต่เมื่อส่องกับแสงจะเห็นเป็นเส้นตรงและมีข้อความ “1000 บาท 1000 BAHT”

– เมื่อพลิกเปลี่ยนมุมมองจะเปลี่ยนจากสีทองเป็นสีเขียว และลวดลายในแถบจะกลิ้งเคลื่อนไหวไปมาได้

– แถบสีอาจมีรอยขูดขีด หลุดลอกชำรุดจากการใช้งานได้

– แถบสีที่อยู่ในเนื้อกระดาษธนบัตรแต่ละฉบับสามารถอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ตรงกันได้ โดยอาจเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวา ตามระยะที่มาตรฐานกำหนดไว้

โดยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 ระบุไว้ว่า : ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 40,000 บาท

สำหรับการใช้เงินปลอมซื้อของโทษสูงสุดติดคุก 15 ปี การใช้ธนบัตรปลอมในการซื้อสินค้าและบริการเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมายอาญาโดยแบ่งความผิดตามเจตนาของผู้ใช้ธนบัตรปลอมออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ดังนี้ เช่นได้ธนบัตรปลอมมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของปลอม แต่ต่อมาเมื่อรู้ว่าเป็นของปลอมแล้วยังขืนนำออกไปซื้อสินค้าและบริการต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อใช้โดยที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอมต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 30,000 บาท

ข่าวปลอม! Power Factor Saver ช่วยประหยัดค่าไฟถึง 50%

จากที่มีการเผยแพร่ถึงตัวอุปกรณ์ Power Factor Saver ที่สามารถช่วยในการประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากถึง 50% นั้น ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด

(3 พ.ค. 2565) ตามที่มีการแนะนำ Power Factor Saver ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าสูงสุด 50% โดยไม่ผิดกฎหมาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยการไฟฟ้านครหลวง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีข้างต้นที่มีอุปกรณ์ที่ว่าได้มีการระบุว่าหากนำไปเสียบกับเต้ารับไฟฟ้าภายในบ้านจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน ได้สูงสุดถึง 50% นั้นทางการไฟฟ้านครหลวง ได้ชี้แจงว่าอุปกรณ์ดังกล่าว ไม่สามารถประหยัดไฟฟ้าได้จริงและอาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าผิดปกติหรือกระทบต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้าซึ่งอาจมีความผิดตามกฎหมายได้ซึ่งเมื่อทำการผ่าพิสูจน์ตัวเครื่อง พบเป็นเพียงตัวควบคุมหลอดแอลอีดีและคาปาซิเตอร์ ที่เป็นตัวเก็บประจุ

โดยมีอุปกรณ์หลักที่ทำหน้าที่เพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น หากใช้ยังส่งผลให้เสียค่าไฟเพิ่มมากขึ้นและเมื่อใช้งานไปนานๆ อาจส่งผลให้เกิดไฟไหม้ภายในตัวบ้านได้อีกด้วย อีกทั้งเว็บไซต์ยังยังแอบอ้างโดยการนำภาพข่าวของกฟน. และสื่อมวลชนต่าง ๆ ไปตัดต่อสร้างความน่าเชื่อถือใช้โฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงประชาชน

จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ สำหรับอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าที่มีอยู่จริงนั้น จะนำมาใช้ในบางกรณีสำหรับภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูงซึ่งจะประหยัดไฟฟ้าได้ในลักษณะการเรียกเก็บค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ เช่น กิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ หรือกิจการเฉพาะอย่าง ดังนั้น ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยทั่วไปแทบจะไม่ได้รับประโยชน์จากการติดตั้งเครื่องประหยัดไฟฟ้าเหล่านี้

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และหากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการขอคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของ 3 การไฟฟ้า หรือติดต่อผ่าน MEA Call Center โทร. 1130 หรือ PEA Call Center 1129 หรือศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. โทร. 1416 ตลอด 24 ชั่วโมง

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป